สำหรับคนรักรถแล้ว การดูแลรถให้ดูเงางามเหมือนใหม่อยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้จริงๆ ปัจจุบันวิธีการดูแลรักษารถมีหลายรูปแบบ คุณสามารถเลือกได้ว่าแบบไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์การดูแลรถของเรา ซึ่งทาง G2C คัดมาแบ่งเป็น 2 วิธียอดฮิต! ที่ถูกเลือกใช้มากที่สุด
🚗 การเคลือบแก้วรถยนต์
การเคลือบชั้นผิวของสีรถเปรียบเสมือนกระจกใสที่มีคุณสมบัติแข็งและสามารถเพิ่มความหนาของพื้นผิวสีตัวถังรถยนต์บนชั้น Clear Lacquer จะมีระดับความหนาของชั้นเคลือบที่แตกต่างกัน มีตั้งแต่ระดับ 1-9 H โดยสารที่ใช้ในการทำเคลือบแก้วมักมีส่วนผสมของสาร Silica หรือ Polysilazane ช่วยป้องกันคราบต่าง ๆ เช่น ฝุ่น หรือรอยขีดข่วนได้อย่างดี นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติที่สามารถเพิ่มความมันวาวให้พื้นผิว เมื่อเคลือบแก้วแล้วจึงดูสวยเงางาม
✅ รักษาความเงางามของรถ และทำให้รถมีความเงางามแบบสุดๆ
✅ อายุการใช้งานยาวนานกว่าการเคลือบสีโดยแว็กซ์และเทฟรอน
✅ ปกป้องสีรถของคุณจาก คราบสกปรก มูลนก คราบน้ำ ลดการเกาะตัวของฝุ่นละออง
✅ ลดการเกิดคราบน้ำตามตัวถังรถ ได้อย่างดีเยี่ยม และยังป้องกันไม่ให้สีรถเสียหายจากการกัดกร่อนของคราบน้ำ
✅ ปกป้องรังสี UVA/UVB เพื่อป้องกันแสงแดดไม่ให้ทำลายชั้นสี
✅ ช่วยยืดอายุความสดของสีรถ ยิ่งรถขาว ช่วยชะลอไม่ให้เหลือง รถดำทำให้ไม่ซีดหมอง
✅ ดูแลรักษารถได้ง่ายขึ้น เนื่องจากสิ่งสกปรกไม่สามารถเกาะติดผิวสีรถและเข้าไปฝังตัวได้เลย
🏎 การแร็ปฟิล์ม
เป็นการออกแบบมาเพื่อกันรอยทุกชนิด มีหลายเกรด แต่ฟิล์มกันรอยที่คุณภาพที่ดีส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุ PU/TPU เนื่องจากเป็นฟิล์มที่มีความยืดหยุ่นสูง มีหลากหลายประเทศผู้ผลิต ราคาค่อนข้างสูงและต้องใช้ช่างผู้ชำนาญการในการติดตั้ง ส่วนใหญ่รถที่ติดตั้งจะอยู่ในหมวดหมู่ Super Car เพราะเมื่อเทียบกับมูลค่าราคารถแล้ว มีความคุ้มค่าในการป้องกันสีเดิมของรถ ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบ Software ออกแบบมาสำหรับตัดฟิล์มตรงรุ่นรถเพื่อลดโอกาสเกิดริ้วรอยจากการใช้คัตเตอร์กรีดลงบนตัวรถได้มากกว่า สามารถลอกออกได้โดยไม่ทิ้งรอย ไม่ทําลายสภาพสีรถเดิมด้วยนะครับ
✅ ป้องกันสีผิวจากแสงแดด และรังสี UV
✅ ป้องกันรอยขีดข่วน รอยกระแทก รอยเล็บสัตว์ขนสัตว์รอยสะเก็ดหิน/สะเก็ดยางมะตอย
✅ ป้องกันรอยขีดข่วนจากอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเล็กๆน้อยๆ ที่อาจทําให้สีหรือตัวถังรถยนต์ได้รับความเสียหาย
✅ มีความหนาให้เลือกตั้งแต่ 190 – 240 ไมครอน
✅ ความยืดหยุ่นที่สามารถติดได้อย่างเข้าถึงทุกมุมโค้งและแนบสนิทกับตัวถัง
✅ อายุการใช้งานประมาณ 2-3ปีขึ้นอยู่กับคุณภาพฟิล์ม
เทียบกันให้ชัดๆ อีกที ระหว่าง เคลือบแก้ว VS แร็ปฟิล์ม ว่าแบบไหนเหมาะกับรถคุณที่สุด
เคลือบแก้ว VS แร็ปฟิล์ม
เคลือบแก้ว : เน้นเรื่องการรักษาความใส เงางามของรถ
แร็ปฟิล์ม : เน้นเรื่องการป้องกันริ้วรอย หรือกันสะเก็ดหิน
เคลือบแก้ว : อายุการใช้งาน นานถึง 10 ปี
แร็ปฟิล์ม : อายุการใช้งาน 1-5 ปี ขึ้นกับคุณภาพฟิล์ม
เคลือบแก้ว : ป้องกันการกัดสีรถจากคราบน้ำ มูลนก
แร็ปฟิล์ม : ป้องกันน้ำเกาะผิวตัวถัง
เคลือบแก้ว : ลดการเกาะของฝุ่นละออง ทำความสะอาดง่าย
แร็ปฟิล์ม : ลดการเกาะของฝุ่นละออง ทำความสะอาดง่าย
เคลือบแก้ว : ป้องกันรังสี UVA/UVB ทำให้รถไม่ซีด หมอง
แร็ปฟิล์ม : ปกป้องสีรถภายใต้แร็ปจากแดด และ UV
💁♂️ แล้วแบบไหนที่เหมาะกับรถเรามากที่สุด อาจจะต้องถามตัวเองก่อนว่า เราใช้งานรถประมาณไหน
หากใครที่ต้องการดูแลรักษารถง่ายๆ เหมาะกับรถใช้งานทุกวัน และอยากให้รถเงางามอยู่เสมอ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องของฟิล์มหลุด ลอก พอง ระหว่างการใช้งานหรือล้างทำความสะอาด การเคลือบแก้วจะเหมาะกว่า ให้ประโยชน์ในเรื่องของการรักษาสภาพสีไม่ให้ ซีดจาง รวมถึงลดการเกิดริ้วรอยขนแมวบาง ๆ จากการใช้งานในทุกๆวัน แต่การแร็ปฟิล์มจะสามารถป้องกันรอยขีดข่วนลึกๆ จากอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเล็กๆ น้อยๆ แต่ความเงางามจะเทียบไม่ได้กับการเคลือบแก้วครับ
แต่ไม่ว่าจะเลือกดูแลรถแบบไหนก็ล้วนแต่เป็นการปกป้องรถยนต์ที่คุณรัก เลือกทำแบบที่ตอบโจทย์คุณ และตามไลฟ์สไตล์การดูแลรถของคุณได้เลยครับจะรู้สึกว่าได้สิ่งที่คุ้มค่ามากที่สุดครับ
สนใจบริการ ทักไลน์สอบถามข้อมูลได้เลย
G2C เปย์โปรคุ้ม ใครอยากรถสวย รีบช้อปเลย!