หลายคนยังมีความเชื่อที่ผิดๆว่า ฝนที่ตกช่วยล้างรถไปในตัว 🚗💦หรือล้างไปก็เปียกอยู่ดีไม่ต้องล้างดีกว่า นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องนะครับ เพราะจริงๆแล้ว ยิ่งฝนตกก็ต้องยิ่งล้างทำความสะอาดรถมากกว่าเดิม เพราะด้วยสภาพอากาศและปัจจัยภายนอก ส่งผลเสียต่อรถที่คุณรักได้ในระยะยาว G2C เลยอยากจะมาบอก 5 เหตุผล ว่าทำไมคุณถึงยังต้องล้างรถในช่วงหน้าฝนนี้!! มาดูกันเลยครับ 👇
1. เกิดคราบฝังแน่น ติดทนนาน เอาไม่ออก
ขณะที่เรากำลังขับรถฝ่าฝน แน่นอนว่ารถจะต้องเปียก ทำให้เกิดคราบฝังแน่นที่สีของรถจากน้ำที่เกาะตัวรถอยู่ ถ้าไม่ทำความสะอาดเลย จะทำให้คราบน้ำสกปรกก็จะแห้งฝังเข้าไปถึงสีชั้นในของรถ ทำให้ทำความสะอาดคราบยากมากขึ้นจนถึงขั้นเอาไม่ออก ส่งผลเสียถึงสีรถในอนาคตได้เลยครับ
2. ความเสี่ยงจากฝนกรด กัดกร่อน
โดยปกติน้ำฝนจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ อยู่แล้ว แต่เดี๋ยวนี้อาจจะรุนแรงกว่าเดิม เพราะมลพิษทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น หรือถ้าเป็นพื้นที่แถวโรงงานอุตสาหกรรม ความเป็นกรดก็จะยิ่งมากขึ้นไปอีก หากไม่ค่อยล้างทำความสะอาด น้ำฝนอาจกัดกร่อนสีรถ ทำให้รถดูหมองฃ สีเสื่อมสภาพเร็วกว่าเดิมได้ครับ
3. ความชื้นก่อสนิม ส่วนต่าง ๆ ของรถอาจเกิดสนิมได้ง่าย
เมื่อรถผ่านการลุยฝน ทำให้เกิดความชื้นตลอดเวลา หากคุณไม่รีบทำการล้างและเช็ดให้แห้งหลังโดนฝน ความชื้นก็จะไปก่อตัวสะสมตามจุดต่าง ๆ ทำให้เกิดสนิมได้
4. ดิน ฝุ่น เศษใบไม้ทำรถเป็นรอย
อย่าเห็นว่า ดิน ฝุ่น ใบไม้ใบน้อย แต่ทำรถเป็นรอยเอาเรื่องอยู่นะครับ หากหลังจากใช้รถแล้ว และพบว่ามีเศษดิน ฝุ่น ใบไม้ต่าง ๆ เกาะอยู่ตามรถ หากไม่ล้างในทันที ให้พยายามเอาออกจากรถไปก่อน เพราะถ้าปล่อยไว้จนแห้งกรังจะทำความสะอาดยาก ผิวรถอาจเสียและเป็นรอยได้ครับ
5. ล้อรถดีดดินโคลนก่อให้เกิดคราบฝังลึก
การขับรถบนพื้นถนนที่เปียก ล้อรถของเราก็อาจจะดีดเอาเศษดินโคลนต่างๆ มาโดนที่ตัวรถได้ และหากไม่มีการทำความสะอาดทันที ปล่อยให้สกปรกซ้ำแล้วซ้ำอีก จะทำให้คราบต่างๆ ฝังแน่น และทำความสะอาดได้ยากยิ่งขึ้น
สนใจบริการ ทักไลน์สอบถามข้อมูลได้เลย
G2C เปย์โปรคุ้ม ใครอยากรถสวย รีบช้อปเลย!